ไปยกชุด!ลิเวอร์พูลเล็งปล่อย5แข้งก่อนปิดตลาด

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เล็งโละแข้งส่วนเกินออกจากทีมถึง 5 ราย ก่อนตลาดในประเทศปิดวันศุกร์นี้ ซึ่งมีแข้งดังอย่าง แฮร์รี่ วิลสัน รวมอยู่ด้วย
            ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรลูกหนังในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังพิจารณาที่จะปล่อยนักเตะในทีม 5 คน ออกไปแบบสัญญายืมตัว ก่อนที่ตลาดซื้อ-ขายนักเตะภายในประเทศจะปิดตัวลง วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ ตามรายงานจาก โกล สื่อลูกหนังชื่อดัง เมื่อวันพุธที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา

            ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ได้ปล่อยนักเตะที่หมดสัญญาอย่าง อดัม ลัลลานา รวมทั้งขาย เดยัน ลอฟเรน และ ริอาน บรูว์สเตอร์ ออกจากทีม และล่าสุด คล็อปป์ มีแผนที่จะลดขนาดทีมอีกรอบ โดยเล็งปล่อยนักเตะดาวรุ่งรวมและแข้งสำรองที่ไม่ค่อยได้ใช้งานออกไปแบบชั่วคราว

            โกล ระบุว่า แฮร์รี่ วิลสัน ปีกทีมชาติเวลส์ คือหนึ่งใน 5 รายที่จะถูกปล่อยออกจากทีม โดย สวอนซี ซิตี้, ดาร์บี้ เค้าน์ตี้, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ต่างมีความสนใจที่จะยืมตัว ดาวเตะวัย 23 ปี ไปใช้งาน

            ขณะที่ เบน วู้ดเบิร์น มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวเวลส์ ก็เตรียมที่จะถูกปล่อยออกไปแบบยืมตัวอีกรอบ ซึ่งก็เชื่อกันว่า ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเป็นที่ต้องการของสองสโมสรในระดับ ลีก วัน อย่าง ชาร์ลตัน แอธเลติก และ ฮัลล์ ซิตี้ นอกจากนี้ คล็อปป์ ก็หวังที่จะส่ง นาธาเนียล ฟิลลิปส์, เลียม มิลลาร์ และ เฮอร์บี้ เคน ให้สโมสรอื่นยืมตัวไปใช้งานอีกครั้งเช่นกัน

            ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนมีกระแสข่าวว่า ลิเวอร์พูล อาจจะมีการเสริมทัพก่อนตลาดปิดวันศุกร์นี้ โดยเล็งเป้าไปที่ เดวิด บรู๊คส์ มิดฟิลด์ฝีเท้าดีของ บอร์นมัธ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ดีกรีรองแชมป์โลกก็มี!5นายทวารทางเลือกที่ลิเวอร์พูลควรเซ็นมาช่วยอลีสซง

หลังจากที่ ลิเวอร์พูล บุกไปพ่าย แอสตัน วิลล่า แบบยับเยินหมดสภาพด้วยสกอร์ 2-7 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม ถือเป็นบทพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า อาเดรียน นายประตูสำรองชาวสแปนิช ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาของทีมยามจำเป็นได้ หากโกลมือหนึ่งอย่าง อลีสซง เบ็คเกอร์ มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน ซึ่งนั่นทำให้ตลอดช่วงที่ผ่านมา มีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะว่า "หงส์แดง" อาจจะมีการดึงผู้รักษาประตูคนใหม่เข้ามา ถึงแม้กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ บอกว่ายังเชื่อมั่นในตัว อาเดรียน ก็ตาม และนี่คือผู้รักษาประตูอีก 5 ทางเลือกที่น่าสนใจ นอกเหนือจาก แจ็ค บัตแลนด์ นายด่าน สโต๊ค ซิตี้ ที่มีข่าวมาตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา
 – ดานิเยล ซูบาซิช (ไร้สังกัด)

  ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะนี่คือนายประตูที่สามารถเซ็นสัญญาร่วมทัพได้ทุกเมื่อ เนื่องจากตอนนี้ ซูบาซิช กำลังอยู่ในสถานะนักเตะฟรีเอเจนต์ หลังจากที่หมดสัญญากับ อาแอส โมนาโก ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยนายประตูชาวโครแอตวัย 35 ปี ผ่านเกมระดับสูงมาอย่างโชกโชน เพราะนอกจากอยู่ในทีม โมนาโก ชุดคว้าแชมป์ ลีก เอิง เมื่อซีซั่น 2016/17 แล้ว เขายังเป็นมือหนึ่งทีมชาติโครเอเชีย ที่ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศศึก เวิลด์ คัพ 2018 ที่ประเทศรัสเซีย (แต่แพ้ ฝรั่งเศส 2-4) อีกด้วย โดยที่ผ่านมา ซูบาซิช มีข่าวเกี่ยวโยงกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, โอลิมเปียกอส และ อัล-นาสเซอร์ แต่สุดท้ายยังไม่มีสโมสรใดคว้าเขาไปร่วมทัพ

 – มิเชล ฟอร์ม (ไร้สังกัด)

  เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในตลาดฟรีเอเจนต์ โดย ฟอร์ม เพิ่งหมดสัญญากับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งถ้าหากพูดถึงเรื่องฝีมือ ถือว่าไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เพราะเจ้าตัวมีดีกรีเป็นถึงอดีตนายประตูทีมชาติฮอลแลนด์ แถมมีประสบการณ์ในเวที พรีเมียร์ลีก จากการเฝ้าเสาให้กับ สวอนซี ซิตี้ และ สเปอร์ส แต่ปัญหาคือ ตลอดช่วง 2 ซีซั่นหลังสุดกับ "ไก่เดือยทอง" นั้น นายทวารชาวดัตช์วัย 36 ปี ได้รับโอกาสลงเฝ้าเสารวมกันแค่ 5 นัด!!!

 – ออร์ยาน นีลันด์ (ไร้สังกัด)

  นายด่านทีมชาตินอร์เวย์วัย 30 ปี เพิ่งตกลงยกเลิกสัญญากับ แอสตัน วิลล่า มาหมาดๆ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ดังนั้น นีลันด์ จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าจับตามองไม่น้อยในตลาดฟรีเอเจนต์ ถึงแม้ฤดูกาลก่อนเจ้าตัวลงเฝ้าเสาให้ "สิงห์ผงาด" รวมทุกรายการแค่ 11 นัด

 – อัสเมียร์ เบโกวิช (บอร์นมัธ)

  ด้วยการที่ตลาดนักเตะภายในประเทศยังคงเปิดอยู่จนถึงวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม ทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถมองหาผู้รักษาประตูฝีมือดีจากลีกล่างได้ และ เบโกวิช ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะผ่านเกม พรีเมียร์ลีก มาอย่างมากมาย ทั้งตอนเล่นให้กับ สโต๊ค ซิตี้, เชลซี และ บอร์นมัธ ซึ่งถ้าหาก "หงส์แดง" เอาจริง และยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจไปทาบทาม ก็มีลุ้นที่จะได้ตัวเช่นกัน เพราะปัจจุบัน นายทวารร่างยักษ์ทีมชาติบอสเนียฯ วัย 33 ปี เหลือสัญญากับ "เดอะ เชอร์รี่ส์" แค่จบฤดูกาลนี้เท่านั้น

 – เบน ฟอสเตอร์ (วัตฟอร์ด)

  แม้อายุ 38 ปีแล้ว แต่ อดีตนายประตู แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เบอร์มิงแฮม ซิตี้ และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน คนนี้ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแก้ปัญหาในระยะสั้น เพราะ ฟอสเตอร์ สามารถเล่นในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก ได้สบายๆ หลังจากผ่านประสบการณ์เกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมาเกือบ 300 นัด

สื่อเผย4แข้งดังที่ “โซลชา” อดได้ร่วมทัพแมนยู

เล็งเอาไว้เพียบ แต่ได้อะไรมา?… อีเอสพีเอ็น เผยรายชื่อ 4 นักเตะดังที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดได้ตัวมาร่วมทีมซัมเมอร์นี้ ซึ่งก็รวมถึง 2 แข้งระดับสตาร์ในเวที พรีเมียร์ลีก ด้วย
               แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประสบความล้มเหลวในการปิดดีล 4 แข้งเป้าหมายหลักที่กุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อยากได้ตัวมาร่วมทัพช่วงซัมเมอร์นี้ ซึ่งประกอบไปด้วย เจดอน ซานโช ปีกดาวดัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, แจ็ค กรีลิช กองกลางกัปตันทีม แอสตัน วิลล่า, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ เซนเตอร์แบ็ก แอร์เบ ไลป์ซิก และ นาธาน อาเค่ กองหลังชาวดัตช์ ที่เพิ่งย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมคู่ปรับร่วมเมือง เมื่อสองเดือนก่อน ตามรายงานจาก อีเอสพีเอ็น สื่อกีฬาชั้นนำระดับโลก เมื่อวันพุธที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา

              ตลาดซื้อ-ขายนักเตะซัมเมอร์นี้ เพิ่งปิดตัวลงไปเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม ซึ่งรวมแล้ว "ปีศาจแดง" ได้แข้งใหม่มาร่วมทีม 6 ราย ได้แก่ เอดินสัน คาวานี่ (ฟรี), อเล็กซ์ เตลลิส (จาก ปอร์โต้), ฟากุนโด้ เปยิสตรี้ (จาก เปนญารอล), อาหมัด ดิยัลโล่ ตราโอเร่ (จะย้ายจาก อตาลันต้า ช่วงเดือนมกราคม) , วิลลี่ ก็อมบวาล่า (จาก โซโชซ์) และ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่ดึงมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้สำเร็จก่อนหน้านี้

             อย่างไรก็ตาม ล่าสุด อีเอสพีเอ็น ระบุว่า กลุ่มนักเตะที่ได้มาไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่ โซลชา ต้องการแม้แต่รายเดียว เพราะความจริงแล้ว กุนซือชาวนอร์วีเจี้ยนวัย 47 ปี อยากได้ ซานโช และ กรีลิช มาช่วยยกระดับเกมรุก และต้องการที่จะดึง อูปาเมกาโน่ กับ อาเค่ มาเสริมแนวรับ โดยเฉพาะในรายหลังสุดนั้น สุดท้ายถูกอริร่วมเมืองอย่าง แมนฯ ซิตี้ ฉกตัวไปจาก บอร์นมัธ ด้วย

            กระนั้น อีเอสพีเอ็น รายงานเพิ่มเติมว่า โซลชา ได้มีการปรึกษาหารือกับบอร์ดบริหารเกี่ยวกับบรรดานักเตะทั้ง 6 คนที่ย้ายมาร่วมทีมเช่นกัน ซึ่งเจ้าตัวก็โอเคกับทุกรายที่ตบเท้าเข้าสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

เจดอน ซานโช

แจ็ค กรีลิช

ดาโยต์ อูปาเมกาโน่

นาธาน อาเค่

3นักเตะลิเวอร์พูลยังมีโอกาสดึงเสริมทัพซัมเมอร์นี้

สื่ออังกฤษ เปิดชื่อ 3 นักเตะใน แชมเปี้ยนชิพ ที่ ลิเวอร์พูล ยังมีโอกาสดึงมาเสริมทัพในซัมเมอร์นี้ หลังตลาดระหว่างประเทศปิดไปแล้ว
    ตลาดซื้อขายนักเตะระหว่างประเทศของลีกยุโรปได้ปิดทำการไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สโมสรใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังสามารถเสริมทัพได้อีกหากเป็นการดึงนักเตะมาจากลีกรองในแดนผู้ดีจนถึงวันศุกร์ที่ 16 ต.ค. นี้

    ในช่วงซัมเมอร์นี้ ลิเวอร์พูล ได้นักเตะหลักๆ มาเสริมทัพ 3 รายคือ คอสตาส ชิมิกาส แบ็กซ้ายทีมชาติกรีซ, ติอาโก้ อัลกันตาร่า กองกลางสแปนิช และ ดิโอโก้ โชต้า ปีกโปรตุกีส

     อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสที่ "หงส์แดง" จะไปดึงนักเตะจาก แชมเปี้ยนชิพ มาเข้าถิ่น แอนฟิลด์ โดยที่น่าจับตามองตามทรรศนะของ ลิเวอร์พูล เอคโค่ คือ 3 คนนี้

 1. อิสไมล่า ซาร์ (วัตฟอร์ด)

    ในช่วงเดือนกันยายน มีข่าวออกมาว่า ลิเวอร์พูล ตกลงค่าตัวของ ซาร์ กับ วัตฟอร์ด ได้แล้วที่ราว 35 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,400 ล้านบาท) แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรคืบหน้า

    ปีกชาวเซเนกัล วัย 22 ปี ทำผลงานได้เยี่ยมในฤดูกาลที่แล้ว แม้ "แตนอาละวาด" ต้องตกชั้นก็ตาม โดยเฉพาะในเกมถล่ม ลิเวอร์พูล 3-0 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวทำได้ 2 ประตู

    กับเวลาที่เหลืออีกราว 10 วันยังมีโอกาสที่ "หงส์แดง" จะเดินหน้าคว้า ซาร์ มาเสริมทัพ แต่ก็ต้องระวัง แมนฯ ยูไนเต็ด และ แอสตัน วิลล่า ที่เล็งๆ นักเตะรายนี้อยู่เหมือนกัน

 2. เดวิด บรู๊คส์ (บอร์นมัธ)

    ปีกทีมชาติเวลส์ วัย 23 ปี เคยมีข่าวกับ ลิเวอร์พูล มาแล้วเหมือนกัน หลังมีข่าวเมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมาว่า "หงส์แดง" พร้อมทุ่มเงิน 35 ล้านปอนด์ ดึงมาจาก บอร์นมัธ ที่ร่วงตกชั้น

    บรู๊คส์ มีฝีเท้ายอดเยี่ยมพอที่จะได้เล่นใน พรีเมียร์ลีก ต่อไป และก็มีหลายทีมสนใจทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด, เชฟฯ ยูไนเต็ด และ เลสเตอร์ ซิตี้

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญสำหรับ ลิเวอร์พูล ก็คือ บรู๊คส์ จะเล่นตรงไหนในแผงกองกลางของ ลิเวอร์พูล ถ้าดึงมาเสริมทัพ เพราะเวลานี้มีตัวเลือกมากมาย

 3. ท็อดด์ แคนท์เวลล์ (นอริช ซิตี้)

    กองกลางชาวอังกฤษ วัย 22 ปี เป็นนักเตะอีกรายที่ทำผลงานได้โดดเด่นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แม้ นอริช ร่วงตกชั้นก็ตาม และก็เคยมีข่าว ลิเวอร์พูล อยากได้มาแล้วเหมือนกัน

    อย่างไรก็ตาม เวลานี้ "หงส์แดง" คงให้ความสนใจ แคนท์เวลล์ น้อยลงไปแล้ว เพราะมี เคอร์ติส โจนส์ กองกลางดาวรุ่งที่มีสไตล์การเล่นคล้ายๆ กัน และซีซั่นนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ คงให้โอกาสมากขึ้น

    แน่นอนว่า คงมีโอกาสไม่มากที่ ลิเวอร์พูล จะเดินหน้าดึง แคนท์เวลล์ มาเข้าถิ่น แอนฟิลด์ แต่ถ้าสโมสรมองไปถึงอนาคตยาวๆ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน

แมนซิตี้โรเตชั่น! “มาห์เรซ”อาสาถลุงรับบอร์นมัธศึกคาราบาว คัพ

"เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ฟอร์มนัดเปิดลีกทำได้ดี งานนี้เกมบอลถ้วยส่อปรับผู้เล่นหลายตำแหน่ง ริยาด มาห์เรซ ทำหน้าที่ลงเลื้อยป่วนผู้มาเยือน บอร์นมัธ ที่ตกชั้นจากลีกสูงสุด ในการแข่งขันฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบ 3 คืนวันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 2563
ปรีวิวคาราบาว คัพ รอบ 3
วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 2563
แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) – บอร์นมัธ (แชมเปี้ยนชิพ)
เวลา : 01.45 น.
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

    ”เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ แชมป์เก่าถ้วยนี้ เพิ่งลงสนามนัดแรกของฤดูกาลด้วยการบุกชนะ วูล์ฟส์ 3-1 เมื่อวันจันทร์ ทำให้นัดนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะปรับทีมให้สำรองลงสนาม เพราะยังไม่มี ชูเอา กานเซโล่ และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ สองฟูลแบ็กที่บาดเจ็บ ทำให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ เบนฌาแม็ง เมนดี้ ต้องลงสนามต่อ

    ส่วนตำแหน่งอื่นๆ อิลคาย กุนโดกัน มิดฟิลด์เยอรมัน กักตัวหลังติดโควิด-19 จะไม่ได้ลงสนามเช่นเดียวกับ กุน อเกวโร่, เอริก การ์เซีย และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่มีอาการบาดเจ็บ โดยแนวรุกให้ เฟร์ราน ตอร์เรส ปีกทีมชาติสเปนได้ออกสตาร์ตพร้อม ริยาด มาห์เรซ และแนวรุกดาวรุ่ง เลียม ดีแลป

    ทีมเยือน บอร์นมัธ ที่เพิ่งตกชั้นไปอยู่แชมเปี้ยนชิพ เปลี่ยนกุนซือใหม่เป็น เจสัน ทินดัลล์ ไม่น่ามี จูเนียร์ สตานิสลาส ปีกตัวเก่งที่บาดเจ็บไม่ได้ลงเจอมิดเดิ้ลสโบรช์ เช่นเดียวกับ ลูอิส คุ้ก ที่ไม่มีชื่อลงสนาม โดยบอร์นมัธจะใช้ทีมผสมลงเตะนัดนี้ นำโดย เดวิด บรู๊คส์ มิดฟิลด์ตัวรุกชาวเวลส์ นำทัพ

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าลงสนาม

แมนฯ ซิตี้ : แจ็ค สเตฟเฟ่น, ไคล์ วอล์คเกอร์, เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, เบนฌาแม็ง เมนดี้, อาเดรียน เบร์นาเบ้, ทอมมี่ ดอยล์, มาร์ลอส โมเรโน่, ริยาด มาห์เรซ, เฟร์ราน ตอร์เรส, เลียม ดีแลป

บอร์นมัธ : อัสเมียร์ เบโกวิช, ลอยด์ เคลลี่, แจ็ค ซิมพ์สัน, เอ็นนัมดี้ โอโฟบอร์, แจ็ค สตาซี่ย์, แฮร์รี่ อาเตอร์, ลูอิส คุ้ก, ฟิลิปป์ บิลลิง, จอร์แดน เซมูร่า, แซม เซอร์ริดจ์, เดวิด บรู๊คส์

ผู้ตัดสิน : จอน มอสส์

ร็อดเจอร์สปลื้มเลสเตอร์ฟอร์มแจ่มบุกจมแมนซิตี้

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ เลสเตอร์ ยกนิ้วชมลูกทีมที่เล่นกันได้สุดยอดในเกมที่คว้าชัยเหนือ แมนฯ ซิตี้ พร้อมบอกว่าแข้ง "สุนัขจิ้งจอก" จิตใจแข็งแกร่งสุดๆ จนไม่สติแตกแม้จะโดนนำไปก่อน

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม เลสเตอร์ ซิตี้ กล่าวชมลูกทีมที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสุดๆ ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่พวกเขาบุกไปชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5-2 ถึงสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา

ที่จริงเกมนี้เจ้าถิ่นได้ประตูตั้งแต่นาทีที่ 4 จาก ริยาด มาห์เรซ แต่ทีมเยือนตีเสมอได้ในนาทีที่ 37 จากลูกจุดโทษของ เจมี่ วาร์ดี้ ในนาทีที่ 37 และพอกลับมาเล่นกันในครึ่งหลัง วาร์ดี้ ก็เหมาอีก 2 ลูกในนาทีที่ 54 กับ 58 ก่อนที่ เจมส์ แมดดิสัน จะมาทำลูกที่ 4 ให้กับ เลสเตอร์ ในนาทีที่ 77 ต่อให้ นาธาน อาเค่ ทำประตูให้ แมนฯ ซิตี้ ได้ในนาทีที่ 84 แต่ ยูริ ตีเลม็องส์ ก็มายิงจุดโทษปิดท้ายให้ เลสเตอร์ ในช่วง 2 นาทีสุดท้ายของเกม ทำให้ เลสเตอร์ เก็บได้ 9 คะแนนเต็มจากการลงเล่น 3 นัด

ร็อดเจอร์ส เผยว่า "มันเป็นฟอร์มและผลการแข่งขันที่พิเศษมากๆ ผมคิดว่าเราเคยเห็นกันแล้วว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เล่นได้ดีมากแค่ไหนในเกมที่เจอกับ วูล์ฟส์ (แมนฯ ซิตี้ ชนะ 3-1 ในลีกเมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา) รวมถึงนัดก่อนหน้านี้ (คาราบาว คัพ รอบ 3 ที่ชนะ บอร์นมัธ 2-1 เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา) แต่ผมคิดว่าวันนี้เราเล่นกันได้ดีมากๆ"

"แน่นอน ไอเดียของเราคือการไม่ให้พวกเขามีพื้นที่ว่างในการเล่นมากกว่านี้อีกสักนิด บางทีผมอาจจะวางแผนการเล่นมาแบบปกติ แต่ผมก็รู้ดีว่าเราจะยังขึ้นเกมได้รวดเร็วในจังหวะสวนกลับเร็ว และมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมในการเล่นแบบนั้นอยู่ดี ดังนั้นก็ใช่ ผมคิดว่าในทางแท็กติกแล้วลูกทีมของผมมีวินัยในการเล่นสูงมากๆ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งในการกลับมาได้ทั้งที่โดนนำไปก่อน"

"จริงอยู่ว่า มาห์เรซ ทำประตูที่สวยมากๆ ได้ แต่เราก็ยังเล่นกันแบบใจเย็นได้อยู่ ที่จริงในครึ่งแรกเราอาจจะมีโอกาสทำประตูเยอะกว่านี้ด้วยซ็ถ้าเราผ่านบอลจังหวะสุดท้ายกันได้ดี แต่ในครึ่งหลังน่ะฟอร์มโดยรวมของเรามันสุดยอดมากๆ มันเป็นผลงานที่น่าประทับใจ 2 ประตูที่เราเสียไปในวันนี้มันมาจากลูกเซตพีซ ซึ่งก็แน่แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องไปพิจารณามันกันอีกครั้ง แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วมันก็เป็นผลการแข่งขันกับฟอร์มที่ยอดเยี่ยมสุดๆ"

 

แมนยูช้ำแพ้คาบ้าน! ซาฮาแสบนำพาเลซบุกคว้าชัย-ฟาน เดอ เบ็คซัดเปิดซิง

"ปีศาจแดง" ทำผลงานได้น่าผิดหวังหลังประเดิมสนามซีซั่นใหม่ด้วยการพ่ายคาบ้านให้ คริสตัล พาเลซ 1-3 เกมนี้แม้ว่า ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค จะซัดประเดิมเกมแรกให้ต้นสังกัดแต่ทีมต้องปราชัย วิลฟรีด ซาฮา อดีตเด็กเก่าทำแสบเหมาสองเม็ดนำ "ดิ อีเกิ้ลส์" บุกซิวสามแต้ม คว้าชัยสองเกมติด มี 6 คะแนน ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา

สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

    แมนฯ ยูไนเต็ด ประเดิมนัดแรกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังได้สิทธิพักไม่ต้องเล่นเกมแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยรับการมาเยือนของ คริสตัล พาเลซ ที่เกมแรกเบียดเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-0 ก่อนที่เกมกลางสัปดาห์จะตกรอบ คาราบาว คัพ รอบแรก หลังพ่ายจุดโทษให้ บอร์นมัธ

    โดย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ส่ง สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ยืนจับคู่ปอล ป็อกบา ขณะที่ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ห้องเครื่องตัวใหม่มีรายชื่อเป็นสำรอง เช่นเดียวกับ อารอน วาน-บิสซาก้า ขณะที่ แนวรุกวาง บรูโน่ แฟร์นันด์ส  ปั้นเกมรุกร่วมกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ,แดเนียล เจมส์ และให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เป็นหน้าเป้า 

    ขณะที่ รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือพาเลซ เปลี่ยนแปลงผู้เล่นบางตำแหน่งจากเกมที่แล้ว แต่แนวรุกยังฝากความหวังไว้ที่ วิลฟรีด ซาฮา และจอร์แดน อายิว
   
     ออกสตาร์ทเกมมาได้แค่ 6 นาทีแรก ดาบิด เด เคอา ทำเหวอหลังจ่ายบอลหน้าบ้านตัวเองพลาด ก่อนที่แนวรับจะช่วยกันแก้สกัดออกไปพ้นอันตราย

    ทว่านาทีถัดมา "ดิ อีเกิ้ลส์" มาทำช็อกจนได้ เมื่อพังประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว 1-0 จากจังหวะเซ็ตบอลขึ้นทางซ้าย  ไทริค มิตเชลล์ เปิดบอลขนานเส้นให้ เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ ก่อนจะปาดเลียดไปเสาไกลให้ แอนดรอส ทาวน์เซ่นด์ เติมมาซัดด้วยขวาติดปลายมือ เด เคอา ก่อนเบียดเสาสองเข้าไป

    โอกาสแรกของ "ผีแดง" ต้องรอถึง นาที 13 หลังบรูโน่ แฟร์นันด์ส ไหลบอลให้ ทิโมธี่ โฟซู-เมนซาห์ กดด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งไปติดบล็อค ชลุปป์ ออกหลัง

    เกมรับของปีศาจแดงค่อนข้างมีปัญหา ถัดมานาทีเดียว วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ เกือบทำพลาดหลังโขกคืนหลังสั้นไป วิลฟรีด ซาฮา พยายามวิ่งตามไปฉกบอลแต่ยังดีที่ไปติด เด เคอา ที่สกัดบอลออกไปได้หวุดหวิด
   
     เกมรุกเจ้าบ้านเริ่มดีขึ้น นาที 20 ปอล ป็อกบา ซัดด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งไปเสาแรก แต่ยังไม่ผ่านมือ บิเซนเต้ กวาอิต้า ที่ล้มตัวรับไว้ได้

    อีก 2 นาทีต่อมา สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ปั่นด้วยขวานอกกรอบบอลไปแฉลบ ชีกู กูยาเต้ ถากเสาไกลออกไปแบบได้เสียว

    นาที 26 บรูโน่ แฟร์นันด์ส เก็บบอลได้หน้ากรอบก่อนจะซัดด้วยซ้าย แต่บอลยังไปแฉลบ กูยาเต้ อีกครั้งก่อนพุ่งไปเข้ามือ บิเซนเต้ กวาอิต้า

    นาที 40 บรูโน่ แฟร์นันด์ส เรียกฟรีคิกหน้ากรอบให้เจ้าบ้านได้ แม้ว่าจะมีการเช็ก VAR ถึงความเป็นไปได้ในการได้จุดโทษหลัง ปอล ป็อกบา โดนเบียดล้มในกรอบ ทว่า ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอ็ตกินสัน ยืนยันเป่าให้แค่ฟรีคิก ก่อนที่ บรูโน่ จะปั่นกว่า 23 หลาไปแฉลบกำแพงออกหลัง

    ช่วงทดเจ็บ นาที 45+1 เจ้าบ้านเกือบมาเสียเม็ดที่สอง หลัง จอร์แดน อายิว ได้บอลทางซ้ายก่อนเลี้ยงจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษหนี สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ก่อนจะเอี่ยวตัวซัดด้วยขวาไปติดเซฟของ ดาบิด เด เคอา ออกหลังเป็นเตะมุม

    จบครึ่งแรก แมนฯยูไนเต็ด ตามหลัง คริสตัล พาเลซ 0-1

    ครึ่งหลัง แมนฯยูไนเต็ด เปลี่ยนตัวถอดเอา แดเนี่ยล เจมส์ ออกแล้วส่ง เมสัน กรีนวู้ด ลงไปเล่นแทน

    นาที 49 จอร์แดน อายิว ได้ซัดนอกกรอบแต่บอลยังไม่ผ่านมือ เด เคอา อีก 2 นาทีต่อมา เป็นโอกาสของ ปอล ป็อกบา บ้างแต่ยังยิงไม่ดีพอ บอลพุ่งไปเข้ามือ บิเซนเต้ กวาอิต้า

    เกมรุกแลกกันสนุก นาที 54 ซาฮา เกือบได้โอกาสยิงแต่ดันไปลื่น บอลมาเข้าทาง แอนดรอส ทาวน์เซ่นด์ ซัดด้วยซ้ายเต็มเน้นๆ แต่บอลพุ่งไปติดป็อกบาออกหลัง

    เกมผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เจ้าบ้านมีโอกาสลุ้นตีเสมอ บอลขึ้นทางขวา ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์ เปิดไปเสาไกลให้ เมสัน กรีนวู้ด ที่ยืนโล่งโขกหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

    นาที 67 โซลชา เปลี่ยนตัวคนที่สองส่ง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ลงมาเล่นแทน ปอล ป็อกบา

    นาที 70 "ปีศาจแดง" มาเสียลูกที่จุดโทษหลัง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ไปทำแฮนด์บอลในกรอบ ซึ่งผู้ตัดสินวิ่งไปเช็กจากภาพ VAR ข้างสนามแล้วยืนยันให้จุดโทษ ซึ่งแม้ว่า ดาบิด เด เคอา จะเซฟลูกยิงของ จอร์แดน อายิว ได้แล้วแต่ไม่ถึงนาที VAR จับภาพได้ว่า นายด่านของผีแดงขยับเท้าออกมานอกเส้นก่อน ทำให้ต้องยิงจุดโทษใหม่ ซึ่งคราวนี้ ทีมเยือนเปลี่ยนคนยิงเป็น วิลฟรีด ซาฮา ก่อนที่อดีตแข้งผีจะซัดเข้าไปไม่พลาดให้ "ดิ อีเกิ้ลส์" นำห่างเจ้าถิ่น 2-0

    กระนั้น นาที 80 "ปีศาจแดง" มาได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะที่ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ตามไปซ้ำด้วยขวาเข้าไป เป็นประตูแรกประเดิมสนาม ช่วยให้ แมนยู ไล่พาเลซมาเป็น 1-2

    แต่แล้ว นาที 85 วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ทำพลาดอีกหลังโดน วิลฟรีด ซาฮา กระชากบอลหนีก่อนซัดด้วยขวาบอลพุ่งเลียดเสียบเสาแรก ชนิด ดาบิด เด เคอา ได้แต่ยืนมองอย่างสุดเซ็ง พาเลซ บุกมานำ ปีศาจแดง 3-1

    จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดหัวพ่ายให้ คริสตัล พาเลซ 1-3

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา – ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์ (โอเดียน อิกาโล่ น.81), วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – ปอล ป็อกบา (ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค น.67), สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ – แดเนียล เจมส์ (เมสัน กรีนวู้ด น.46), บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรซฟอร์ด – อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล

        ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

        คริสตัล พาเลซ (4-4-2) : บิเซนเต้ กวาอิต้า – โจเอล วอร์ด, ชีกู กูยาเต้, มามาดู ซาโก้, ไทริค มิตเชลล์ – แอนดรอส ทาวน์เซ่นด์, เจมส์ แม็คอาร์เธอร์, เจมส์ แม็คคาร์ธี่ (ลูก้า มิลิโวเยวิช น.88), เจฟฟรีย์ ชลุปป์ (เอเบเรชี่ เอเซ่ น.75) – วิลฟรีด ซาฮา, จอร์แดน อายิว (มิชี่ บาตชูอายี่ น.81)

ขาดไม่ได้จริงๆ! เผยสถิติชวนอึ้ง อาร์เซน่อลแย่ขนาดนี้ถ้าไม่มีโอบาเมยอง

ช่วงนี้ อาร์เซน่อล มีแต่เรื่องดีๆ มาให้เหล่าสาวก "เดอะ กันเนอร์ส" ได้ชื่นใจ ซึ่งแน่นอนว่า หนึ่งในนั้นคือการเซ็นสัญญาฉบับใหม่ (ถึงปี 2023) ของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง กองหน้ากัปตันทีมคนเก่ง ที่เพิ่งมีขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันอังคารที่ 15 กันยายน และล่าสุด The Sun สื่อดังของอังกฤษ ได้มีการเล่นประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสำคัญของ โอบาเมยอง ที่มีต่อ "ไอ้ปืนใหญ่" ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อฤดูกาล 2019/20 ที่ผ่านมา

ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อล จบที่อันดับ 8 ในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ด้วยการมี 56 แต้ม ทว่าหากปราศจาก 22 ประตู ของ ยอดดาวยิงชาวกาบองวัย 31 ปี สถานการณ์ของพวกเขาจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะทีมของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า จะมีคะแนนน้อยลงถึง 20 แต้ม!!!

เท่านั้นยังไม่พอ อันดับในตารางคะแนนของ อาร์เซน่อล ก็จะถูกกระชากลงจากที่ 8 ไปอยู่ที่ 16 เลยทีเดียว แถมอยู่เหนือจากโซนตกชั้นแค่ 2 แต้มเท่านั้น (บอร์นมัธ จบที่อันดับ 18 มี 34 แต้ม) ซึ่งจากชาร์ตผลการแข่งขันทั้ง 38 เกม ที่ The Sun จัดมาให้ เราจะเห็นได้ว่า แต่ละประตูจาก โอบาเมยอง นั้น มีค่ามากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่มันมีถึง 13 เกม ที่สามารถช่วยให้ อาร์เซน่อล ได้รับผลการแข่งขันที่ดีกว่าเดิม 

สำหรับ 13 เกมที่ว่านั้น แบ่งเป็น 2 เกมที่ประตูของ โอบาเมมอง สามารถช่วยให้ อาร์เซน่อล พลิกจาก "แพ้" เป็น "ชนะ" (+6 แต้ม), 3 เกมที่ช่วยพลิกจาก "เสมอ" เป็น "ชนะ" (+6) และมีถึง 8 เกมที่ประตูจาก อดีตหัวหอก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ช่วยทีมคว้าผลเสมอ (+8) ซึ่งจากสถิติตรงนี้ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่า "ไอ้ปืนใหญ่" ลำบากแน่ๆ หากไม่มี โอบาเมยอง ยืนประจำการในแนวรุก

… ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยว่าทำไมแฟนบอล อาร์เซน่อล ถึงตั้งตารอคอยการเซ็นสัญญาฉบับใหม่ของ ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง อย่างใจจดใจจ่อ เพราะต้องยอมรับเลยว่า เขาคนนี้เป็นดาวยิงที่ทีมขาดไม่ได้จริงๆ…

บิ๊กแมตช์รออยู่! หงส์ส่อเจอปืน,ไก่อาจฟัดสิงห์-ผีไม่หนักจับติ้วคาราบาว คัพ รอบ 4

   ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้เจอกับงานสุดหินในรอบ 4 การแข่งขันคาราบาว คัพ หากพวกเขาผ่านด่าน ลินคอล์น ซิตี้ เพราะมีโอกาสจะต้องปะทะกับ อาร์เซน่อล หรือเลสเตอร์ ซิตี้่ ขณะเดียวกับ สเปอร์ส ก็มีสิทธิ์เจอ เชลซี ในรอบต่อไปเช่นกัน
ลิเวอร์พูล มีลุ้นได้ทำบิ๊กแมตช์กับ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล หรือ "สุนัขจิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้ ในรอบ 4 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกคาราบาว คัพ ประจำฤดูกาล 2020/2021 หากทัพ "หงส์แดง" สามารถผ่าน ลินคอล์น ซิตี้ คู่แข่งในระดับ ลีก วัน ในรอบ 3

    ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะมีคิวดวลกับ ลูตัน ทาวน์ คู่แข่งในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ รอบ 3 หากสามารถผ่านด่านนี้ไปได้ ลูกทีมของกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยังคงเจองานเบาเพราะอาจจะพบกับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน หรือ เปรสตัน ในรอบต่อไป

     ส่วนอีกคู่ก็น่าสนใจเช่นกันเพราะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มีสิทธิ์ได้ทำศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ถ้า "ไก่เดือยทอง" ผ่าน เลย์ตัน โอเรียนท์ พวกเขาอาจจะต้องปะทะกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ในกรณีที่ทีมของแฟร้งค์ แลมพาร์ด สามารถเอาชนะ บาร์นสลี่ย์ ได้สำเร็จ

ผลการจับสลากประกบคู่ รอบ 4 คาราบาว คัพ

ลินคอล์น ซิตี้ (ลีก วัน) / ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก) พบ เลสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) / อาร์เซน่อล (พรีเมียร์ลีก)

มิลวอลล์ (แชมเปี้ยนชิพ) / เบิร์นลี่ย์ (พรีเมียร์ลีก) พบ แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) / บอร์นมัธ (แชมเปี้ยนชิพ)

เวสต์บรอมฯ (พรีเมียร์ลีก) / เบรนท์ฟอร์ด (แชมเปี้ยนชิพ) พบ ฟูแล่ม (พรีเมียร์ลีก) / เชฟฟิลด์ เวย์นเดย์ (แชมเปี้ยนชิพ)

ฟลีตวูด ทาวน์ (ลีก วัน) / เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีก) พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก) / ฮัลล์ ซิตี้ (ลีก วัน)

บริสตอล ซิตี้ (แชมเปี้ยนชิพ) / แอสตัน วิลล่า (พรีเมียร์ลีก) พบ สโต๊ค ซิตี้ (แชมเปี้ยนชิพ) / จิลลิ่งแฮม (ลีก วัน)

เลย์ตัน โอเรียนท์ (ลีก ทู) / สเปอร์ส (พรีเมียร์ลีก) พบ เชลซี (พรีเมียร์ลีก) / บาร์นสลี่ย์ (แชมเปี้ยนชิพ)

นิวพอร์ท เคาน์ตี้ (ลีก ทู) / วัตฟอร์ด (แชมเปี้ยนชิพ) พบ มอร์แคมป์ (ลีก ทู) / นิวคาสเซิ่ล (พรีเมียร์ลีก)

เปรสตัน (แชมเปี้ยนชิพ) / ไบรท์ตัน (พรีเมียร์ลีก) พบ ลูตัน ทาวน์ (แชมเปี้ยนชิพ) / แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)

    สำหรับ คาราบาว คัพ รอบ 4 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย จะมีการแข่งขันในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 28 กันยายน นี้

แนวรุกโหดไปนะ!สื่อดังจัดทีมตัวจริง “แมนซิตี้” ที่มี”เมสซี่”นำทัพ

ช่วงค่ำคืนของวันอังคารที่ผ่านมา ในวงการฟุตบอลคงไม่มีข่าวไหนที่ฮือฮาและสร้างแรงกระเพื่อมมากไปกว่าข่าวที่ ลิโอเนล เมสซี่ ตัดสินใจที่จะขอยกเลิกสัญญากับ บาร์เซโลน่า อีกแล้ว ซึ่งถึงแม้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่แน่นอนว่า มันเป็นเรื่องจริง เพราะหลายสื่อดังต่างรายงานข่าวตรงกัน ดังนั้นต่อไปนี้ประเด็นที่ต้องจับตามองคือ เมสซี่ จะย้ายไปไหน? และสโมสรใดมีโอกาสได้ตัวมากที่สุด?

        ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มีหลายสโมสรระดับท็อปถูกดึงเข้ามามีเอี่ยว แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูมีโอกาสมากกว่าใครเพื่อน เพราะนอกจากกำลังเม็ดเงินที่มีอย่างมหาศาลแล้ว พวกเขายังมีกุนซือคนสนิทของ เมสซี่ ที่ชื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุมทัพด้วย และถ้าหาก เมสซี่ ตัดสินใจมาร่วมงานกับ เป๊ป ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม จริงล่ะก็ พวกเขาจะเป็นทีมที่น่าดูอย่างมากสำหรับการแข่งขันในฤดูกาล 2020/21 และล่าสุดเว็บไซต์ talksport.com ได้มีการจัดทีมตัวจริง "เรือใบสีฟ้า" ที่มี เมสซี่ นำทัพ รวมถึง คาลิดู คูลิบาลี่ เซนเตอร์แบ็กจอมแกร่ง นาโปลี ที่มีข่าวกำลังจะย้ายมาร่วมทีม ยืนคุมแดนหลังในแผนการเล่นระบบ 4-3-3

 

          เริ่มต้นกันที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู ยังไงมือหนึ่งก็หนีไม่พ้น เอแดร์ซอน นายด่านชาวบราซิเลียน ถึงแม้ฤดูกาลที่ผ่านมา เจ้าตัวมีเล่นพลาดให้เห็นหลายหนก็ตาม ส่วนแนวรับสี่คนนั้น นาธาน อาเค่ ที่เพิ่งย้ายมาจาก บอร์นมัธ จะประจำการในตำแหน่งแบ็กซ้าย ส่วนฝั่งขวาเป็น ไคล์ วอล์คเกอร์ ตามเดิม ขณะที่คู่เซนเตอร์แบ็กถือว่าแข็งแกร่งสุดๆ กับการที่จะได้ คูลิบาลี่ มาประสานงานกับ เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ ปราการหลังชาวฝรั่งเศส

 

        มาที่แดนกลางสามคนจะประกอบไปด้วย โรดรี้ ที่ยืนทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์ตัวรับเช่นเคย โดยที่มี เควิน เดอ บรอยน์ ยืนปั้นเกมรุกร่วมกับดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง ฟิล โฟเด้น ที่น่าจะถูก เป๊ป ดันขึ้นมาเป็นตัวหลักในฤดูกาลใหม่ หลังจากที่ ดาบิด ซิลบา อำลาทีม (ย้ายไป เรอัล โซเซียดาด) ไปเป็นที่เรียบร้อย

 

        สำหรับสามประสานแนวรุก "เรือใบสีฟ้า" ชุดนี้ บอกได้เลยว่า "อย่างโหด" กับการที่จะได้ เมสซี่ มาเล่นร่วมกับเพื่อนซี้ในทีมชาติอาร์เจนตินาอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ โดยที่มีปีกจอมถล่มประตูอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง เล่นทางฝั่งซ้าย ซึ่งหากเป็นไปตามนี้จริง แมนฯ ซิตี้ ได้ลุ้นยาวๆ แน่นอน สำหรับการทวงตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก จาก ลิเวอร์พูล รวมถึงการลุ้นแชมป์ถ้วยใบใหญ่ของยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

 

        … แน่นอนว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรมาการันตีว่า เมสซี่ จะย้ายมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่อย่างน้อยมันก็ "มีโอกาส" และถ้าหากมันเกิดขึ้นจริงล่ะก็ บอกเลยว่า พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง น่าดูอย่างแรง!!!